ท่านี้ดี ท่าปั่นจักรยานที่ ตัดอากาศได้ดีที่สุด
ท่านี้ดี ท่าปั่นจักรยานที่ ตัดอากาศได้ดีที่สุด
ท่านี้ดี ท่าปั่นจักรยานที่ ตัดอากาศได้ดีที่สุด นักปั่นหลายคนน่าจะคุ้นเคยกับ ท่า ปั่นจักรยาน กันอยู่แล้ว เพราะว่าต้องใช้ ท่าเหล่านั้น เป็นประจำ โดยถึงแม้ว่า อุปกรณ์จะมีส่วนช่วยมากขึ้น แต่ถึงอย่างไรแล้วนั้น ตัวคนปั่นมีผลมากกว่า เนื่องจากตัวคนจะมีแรงตัดขวางลมมากที่สุด ถ้าเกิดนำมาเทียบกับอุปกรณ์แล้ว เพราะฉะนั้น เราเลยอยากมาแนะนำ ท่าปั่นจักรยาน ที่ตัดอากาศได้ดีที่สุด กัน
ท่าปั่นจักรยานที่ ตัดอากาศได้ดีที่สุด ต้องท่านี้
โดยปกติทั่วไป สำหรับนักปั่น ท่าที่ใช้บ่อยก็จะเป็นการก้มเหยียด เพราะทำให้ หน้าตัดส่วนปะทะลมน้อยที่สุด แต่สำหรับ จักรยานเสือหมอบ ก็จะใช้อยู่ไม่กี่ท่า ยกตัวอย่างเช่น ท่าจับดรอป,ท่าจับฮู้ดมือเกียร์ รวมถึง ท่าพับข้อศอกขนานกับกับพื้น
และหลังจากที่ได้มีการศึกษาออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผลออกมาว่า ท่าปั่นพับข้อศอกขนานกับพื้น สามารถ ตัดอากาศได้ดีที่สุด เพราะว่าช่วยทำให้ นักปั่นประหยัดพลังงาน ได้ถึง 13.4 % ถ้าเทียบกับ ท่าจับฮู้ด รวมถึงประหยัดพลังงานไปถึง 10.3 % ถ้าเทียบกับ ท่าจับดรอป ด้วย
สำหรับ ท่าท่าปั่นจักรยานที่ ตัดอากาศได้ดีที่สุด อย่าง ท่าปั่นพับข้อศอกขนานกับพื้น เป็นการวิจัยที่ไม่เรื่องแปลก เนื่องจากการทำแบบนี้ จะทำให้ท่าปั่นของเรา ขนานไปกับพื้น แล้วแขนก็เหยียดออกเป็นมุมฉากลู่ตามลำตัวของเรา จะไม่เป็นการตั้งชัน แบบขวางลม
เหมือนกับ 2 ท่าที่กล่าวถึง และถ้าเราใช้แฮนด์ ที่มีขนาดไม่ได้ใหญ่มาก แขนเราก็ก็จะอยู่ชิดกัน ไม่กางเกินลำตัว ทำให้ตัดหน้าอากาศได้ดี เลยทีเดียว
โดยจะเห็นได้บ่อยว่า นักปั่นระดับมืออาชีพ จะใช้ท่านี้ปั่นตลอด ในการปั่นทางราบระยะไกล เนื่องจาก ทำให้ตัวเองออกแรงน้อยที่สุด ยกตัวอย่างเช่น ทอมโบเนน กับ เฟเบียน แคนเชอลารา ซึ่ง ท่าพับข้อศอกขนานไปกับพื้น ส่วนมากแล้วจะใช้ตอนปั่น ที่เราต้องเจอกับลม นั่นก็คือ การปั่นนำขบวน ที่เป็นเส้นทางราบแบบไม่ค่อยซับซ้อน หรือถ้าพูดแบบง่ายๆ ก็คือการนำ ท่าปั่น Time Trail มาปั่นบนถนน
ท่าปั่นพับข้อศอกขนานกับพื้น ช่วยตัดอากาศได้ดี
ถึงแม้ว่า ท่าปั่นพับข้อศอกขนานกับพื้น จะเป็น ท่าท่าปั่นจักรยานที่ ตัดอากาศได้ดีที่สุด แต่มันอาจจะ ใช้ไม่ได้ทุกสถานการณ์ เพราะท่าที่ดี ที่สุดต่อนักปั่นก็คือ ท่าที่เรารู้สึกว่าทำแล้วไม่เหนื่อย และไม่ฝีนตัวเองมากเกินไป ซึ่งแต่ละคนก็จะมีท่าที่แตกต่างกันไป เนื่องจากขึ้นอยู่กับความยืนหยุ่น และสรีระของร่างกาย รวมถึงมีอีกหลายปัจจัยด้วยเช่นกัน
